วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปล่อยวาง

ปล่อยวาง
พระไพศาล วิศาโล
       
เขาเป็นคนที่ใฝ่ธรรม  ชอบเข้าวัดทำบุญ อีกทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีพาเพื่อน ๆ ไปทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินในถิ่นทุรกันดารเป็นประจำ แม้อายุจะมากแล้วก็ยังขยันชวนคนสร้างโบสถ์สร้างวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง  ร่างกายทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ต้องนอนติดเตียง เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้าย แม้ความรู้สึกตัวจะเลือนราง แต่เขามีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด   ลูก ๆ อยากให้พ่อไปสงบ จึงเปิดเสียงสวดมนต์และคำบรรยายธรรมของครูบาอาจารย์หลายท่านให้เขาฟัง แต่ความกระสับกระส่ายของเขาไม่ได้ลดลงเลย  เป็นที่แปลกใจของลูก ๆ มากเพราะเขาเป็นคนธัมมะธัมโม  น่าจะสงบใจเมื่อได้ฟังเสียงเหล่านั้น เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ลูก ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ขณะที่อาการของเขาแย่ลงไปเรื่อย ๆ  เพื่อนสนิทของเขาก็มาถึง  พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  สิ่งแรกที่เพื่อนผู้นั้นทำก็คือ พูดข้างหูเขาว่า  “เรื่องโบสถ์หลังนั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะช่วยกันสร้างให้เสร็จ ขอให้วางใจ”  พูดจบ เขาก็สงบลงทันที  ไม่มีอาการกระสับกระส่ายอีกเลยจนกระทั่งสิ้นลมไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น
ก่อนที่จะป่วยหนัก เขามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโบสถ์หลังหนึ่งให้เสร็จ ถึงกับตั้งปณิธานว่า ยังตายไม่ได้จนกว่าจะสร้างโบสถ์ให้เสร็จ  แต่ความตายไม่เคยรอท่า พร้อมจะจู่โจมได้ทุกเวลา  ดังนั้นเมื่อรู้ความตายกำลังย่างกรายเข้ามาในขณะที่ความปรารถนายังค้างคา เขาจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนความตาย แต่ยิ่งต่อสู้ขัดขืนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์ทรมาน และยิ่งกระสับกระส่าย ต่อเมื่อเพื่อนสนิทมาพูดให้คลายกังวล เขาจึงพร้อมรับความตาย และนั่นคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาจากไปอย่างสงบ
เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง หากยังมีความห่วงกังวลหรือยึดติดถือมั่น ย่อมทำให้การตายอย่างสงบเกิดขึ้นได้ยาก  มิใช่แต่ความห่วงกังวลในทรัพย์สมบัติ และลูกหลาน คนรักเท่านั้น ความห่วงภารกิจการงานที่ยังคั่งค้างก็สามารถทำให้ตายอย่างทุรนทุรายได้  แม้ภารกิจนั้นจะเป็นงานบุญงานกุศลก็ตาม  เมื่อถึงคราวจะต้องละจากโลกนี้ไป ก็ควรปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่งานบุญงานกุศลที่ยังไม่แล้วเสร็จ  เพราะหากปล่อยวางไม่ได้ ใจจะดิ้นรนต่อสู้กับความตาย  ซึ่งมีแต่จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้และทุกข์ทรมาน
ถ้าไม่อยากให้ความห่วงงานการมารบกวนจิตใจเวลาใกล้ตาย เราควรขวนขวายทำกิจการงานต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จในขณะที่ยังมีเวลาและสุขภาพดี โดยเฉพาะหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญ ๆ  การเจริญมรณสติเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เรากระตือรือร้นทำกิจการงานเหล่านี้ ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือมัวทำสิ่งอื่นที่ไม่สลักสำคัญ (แต่บังเอิญมีเส้นตายให้ต้องรีบทำ หาไม่ก็มีรสชาติที่ชวนให้หลงใหลจนลืมทำสิ่งที่ควรทำ)
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะพยายามสะสางหน้าที่การงานมิให้คั่งค้าง  ก็มักมีบางอย่างบางเรื่องที่ยังทำไม่แล้วเสร็จก็มีเหตุให้ต้องหยุดกลางคัน เพราะโรคร้ายหรือความตายมาประชิดตัวเสียก่อน  ถึงตอนนั้นก็ไม่มีอะไรดีกว่าการการทำใจยอมรับความจริงและปล่อยวางการงานเหล่านั้น ไม่แบกหรือยึดไว้ให้เป็นเครื่องกังวลหรือสร้างความหนักอกหนักใจ
เมื่อจะจากโลกนี้ไปก็ควรไปอย่างเบา อย่างสบาย ไร้ภาระใด ๆ  ดังนั้นจึงควรปล่อยวางให้หมด  มิใช่แต่ปล่อยวางสิ่งที่เคยผูกพันในโลกนี้เท่านั้น  แม้กระทั่งความอยากมีอยากเป็นในโลกหน้า ก็ต้องวางด้วยเช่นกัน  ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อจะช่วยเหลือผู้ใกล้ตาย พึงแนะนำให้เขาละความห่วงใยในพ่อแม่ บุตรภรรยา กามคุณ ๕  และสวรรค์   
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ปล่อยวางทรัพย์สมบัติ คนรัก และงานการแล้ว แต่ยังปรารถนาที่จะไปเกิดในสวรรค์ ปัญหาก็คือ ความอยากกับความห่วงกังวลนั้นมักจะมาด้วยกัน เหมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน  เมื่ออยากไปสวรรค์มาก ก็ย่อมห่วงกังวลว่าจะไม่ได้ไปสวรรค์  ความห่วงกังวลนี้แหละที่ทำให้เป็นทุกข์ในเวลาใกล้ตาย
แม่ชีท่านหนึ่งล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง  มีความเจ็บปวดรุนแรงมาก  ขอให้กัลยาณมิตรผู้หนึ่งไปเยี่ยมเพื่อช่วยชี้แนะวิธีบรรเทาความเจ็บปวด  เมื่อกัลยาณมิตรผู้นั้นสอบถามและซักไซ้ไล่เลียงก็พบว่า  สิ่งที่ทำความทุกข์ให้แก่แม่ชีท่านนั้นมิได้มีแค่ความเจ็บปวดเพราะโรคมะเร็งเท่านั้น  หากยังได้แก่ความกังวลว่าจะไม่ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูง  แม่ชีศึกษาเรื่องสุคติภูมิจนหมายมั่นในสวรรค์ชั้นสูง แต่เป็นเพราะมีความอยากมาก จึงมีความห่วงกังวลตามมา มิใช่ห่วงว่าจะไม่ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังห่วงกังวลว่าจะตายไม่สงบด้วย ซึ่งย่อมส่งผลให้ไปอบายภูมิ ความห่วงกังวลนี้เองที่ทำความทุกข์ให้แก่แม่ชี อาจจะยิ่งกว่าความเจ็บปวดเพราะก้อนมะเร็งเสียอีก
อย่าว่าแต่ความอยากไปเกิดในสวรรค์เลย แม้กระทั่งความอยากตายให้สงบ ก็สามารถเป็นอุปสรรคต่อการตายอย่างสงบได้  ยิ่งรู้มากและอยากได้การตายที่สมบูรณ์แบบ ก็ยิ่งกลัวว่าจะไม่ได้ตายแบบนั้น  ผลก็คือถูกความกลัวรังควานจนกระสับกระส่าย  ดังนั้นเมื่อวาระสุดท้ายมาถึงจึงควรปล่อยวางแม้กระทั่งความอยากไปเกิดในสวรรค์หรืออยากตายสงบ  ใช่หรือไม่ว่า ยิ่งอยากได้ กลับไม่ได้ แต่เมื่อไม่อยากได้ กลับได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น